บทความวิชาการ
view 195 facebook twitter mail

สำรวจนโยบายอาเซียนกับ ‘ความเท่าเทียมทางเพศ’ ในธุรกิจ

เกี่ยวกับเอกสาร

ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ (Gender Inequality) ที่มักถูกหยิบยกเป็นประเด็น ได้แก่ ความหลากหลาย (Diversity) เพศ (Sex) เพศสภาพ (Gender) และสิทธิมนุษยชน (Human Rights) อย่างไรก็ตาม ความเหลื่อมล้ำทางธุรกิจจากเพศกำเนิด (Biological Sex) ก็เป็นอีกมิติหนึ่งที่สำคัญ
ในทางทฤษฎี การเลือกปฏิบัติตามเพศกำเนิดสามารถอธิบายผ่านมุมมอง “สารัตถนิยม” (Essentialism) หากอ้างอิงคำจำกัดความของ Cambridge Dictionary คือแนวคิดที่เชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ มีแก่นแท้เฉพาะตัวที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ในเชิงมานุษยวิทยา แนวคิดนี้สะท้อนความเชื่อว่า เพศหญิงและเพศชายมีลักษณะเฉพาะ (Essence) ทางชีวภาพหรือบุคลิกภาพที่แตกต่างกันโดยกำเนิด แนวคิดนี้มักถูกนำมาใช้เป็นฐานในการสร้างแบบแผน และบทบาททางสังคมที่ตายตัว เช่น การมองว่าผู้หญิงเหมาะกับอาชีพแม่บ้าน พยาบาล หรือครู ขณะที่ผู้ชายควรเป็นตำรวจ ทหาร หรือผู้นำ ซึ่งส่งผลให้โอกาสทางการศึกษาและการประกอบอาชีพถูกจำกัดโดยอคติที่ฝังรากลึกในสังคม
จากการสำรวจของ UN Women ปัจจุบันมีเพียง 18 ประเทศที่มีผู้นำที่เป็นผู้หญิง ขณะที่รายงานของธนาคารโลก (World Bank) ชี้ว่า ผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งผู้นำหรือมีบทบาทในระดับบริหาร ยังคงมีสัดส่วนไม่ถึง 30% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดทางโครงสร้างและอคติทางเพศที่ยังมองว่าผู้นำควรเป็นผู้ชาย
ในแวดวงธุรกิจและผู้ประกอบการ ผู้หญิงยังถูกมองผ่านมุมมองแบบสารัตถนิยม เชื่อมโยงกับอคติที่มองว่าบทบาทของผู้ประกอบการหรือผู้นำทางธุรกิจสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของผู้ชาย มุมมองเช่นนี้ปรากฏอย่างแพร่หลาย รายงานของ OECD ยังพบว่า ผู้หญิงมีแรงจูงใจในการประกอบธุรกิจต่ำกว่าผู้ชาย จากปัจจัย เช่น ทัศนคติทางสังคม อคติในการเข้าถึงเงินทุนและสินเชื่อ และการขาดทักษะที่จำเป็น
สำหรับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีประชากรหญิงกว่าครึ่งหนึ่ง และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง อาเซียนจึงได้พยายามรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ผ่านกรอบความร่วมมือและนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะการดำเนินงานภายใต้คณะกรรมการด้านสตรีอาเซียน (ASEAN Committee on Women: ACW) ซึ่งได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ผ่าน 7 วิสัยทัศน์หลัก เพื่อสร้างพันธะสัญญาร่วมของสมาชิก และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People-centered ASEAN) วิสัยทัศน์ทั้งเจ็ดนี้ครอบคลุมทุกมิติของความไม่เท่าเทียมทางเพศ โดยยึดแนวคิดเรื่อง การบูรณาการประเด็นด้านความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Mainstreaming) เข้าสู่การกำหนดนโยบายระดับภูมิภาค
แผนดังกล่าวยังตั้งเป้าให้อาเซียนเป็นต้นแบบในฐานะภูมิภาคที่ส่งเสริมสิทธิสตรีและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของผู้หญิง ซึ่งครอบคลุมการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา การตัดสินใจ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งสะท้อนความพยายามลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างเพศของอาเซียน
อาเซียนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) ที่เป็นกำลังหลักทางเศรษฐกิจ คิดเป็น 88.8%- 99.9% และเป็นแหล่งจ้างงานระหว่าง 51.7%-97.2% ในขณะที่อาเซียนมีประชากรหญิงกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากร การส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในภาคธุรกิจจึงเป็นประเด็นสำคัญ อาเซียนได้จัดทำ Strategic Action Plan for SME Development (2559-2568) ซึ่งรวมมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการหญิง เช่น การพัฒนาทักษะ และสนับสนุนการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่จำเป็นเพื่อเพิ่มโอกาสและศักยภาพของผู้หญิงในการมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจ
ทักษะดิจิทัลเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงยังคงเผชิญข้อจำกัดในการเข้าถึงองค์ความรู้และทักษะหลายประการ แม้ว่าอาเซียนจะเพิ่งประกาศใช้ กรอบยุทธศาสตร์ Gender Mainstreaming Strategic Framework แต่ที่ผ่านมา อาเซียนได้ให้ความสำคัญกับความไม่เท่าเทียมทางเพศมาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักการ Gender Mainstreaming ผ่านนโยบายต่าง ๆ
อาเซียนได้จัดทำ ASEAN ICT Master Plan 2563 เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยให้ความสำคัญกับ Inclusive Digital Economy และส่งเสริมการเข้าถึงทักษะด้าน ICT สำหรับผู้หญิง เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมในเศรษฐกิจยุคใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแนวคิด Gender Mainstreaming ได้ถูกนำมาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม
เรากำลังเห็นทิศทางที่ดีในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในระดับภูมิภาคผ่านกรอบความร่วมมือ แผนปฏิบัติการต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของอาเซียน ในการสร้างสังคมที่ปราศจากอคติ ส่งเสริมความเสมอภาคทางโอกาส และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังจำเป็นต้องได้รับการติดตามและผลักดันอย่างต่อเนื่อง แม้ความตระหนักรู้จะเพิ่มขึ้น แต่การดำเนินนโยบายในทางปฏิบัติยังคงต้องได้รับการตรวจสอบและประเมินผลอย่างใกล้ชิด เพราะเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ต้องขับเคลื่อนด้วยพลังของทุกคนอย่างไม่แบ่งแยก

ผู้เขียน
วรภัทร ดิษฐ์ป้าน
นักวิจัย
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD)
www.itd.or.th
ตีพิมพ์ : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ Section : First Section/World Beat
ปีที่ 38 ฉบับที่ 12936 วันพุธที่ 2 กรกฎาคม 2568
หน้า 8 (ล่างซ้าย) คอลัมน์ “Asean Ins

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

Top