เกี่ยวกับเอกสาร
คำว่า “เสถียรภาพทางการเมือง” โดยพื้นฐานแล้วหมายถึง สภาวะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐาน หรือไม่มีความไม่แน่นอนภายในระบบการเมือง หรือกล่าวคือ การมีเสถียรภาพทางการเมืองนั้น แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ต่ำของการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่สำคัญ หรือการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่ขัดต่อ กฎหมาย ซึ่งคาดการณ์ได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เสถียรภาพทางการเมืองเป็นเงื่อนไขที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว จากการสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคง เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ การลงทุน หรือแม้แต่การออม ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในทางกลับกัน ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำก็สามารถเป็นตัวผลักดันให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองได้เช่นกัน ดังตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนจากปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจและปัญหาเงินเฟ้อในอดีตของประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งส่งผลทำให้เกิดการประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ต่อรัฐบาล
สำหรับการวิเคราะห์เสถียรภาพทางการเมืองนั้น ธนาคารโลก (World Bank) ได้จัดทำดัชนีชี้วัดด้านธรรมาภิบาลของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก หรือ (Worldwide Governance Indicators – WGI) เพื่อใช้อธิบายการรับรู้ถึงประสิทธิภาพในด้านการกำกับดูแลของประเทศต่าง ๆ มากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ในแต่ละช่วงเวลานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 โดยจะประเมินผลใน 6 มิติ ที่สำคัญ
โดยมิติที่ใช้สำหรับการวัดเสถียรภาพทางการเมืองคือ ดัชนี “เสถียรภาพทางการเมืองและการไร้ความรุนแรง/การก่อการร้าย (Political Stability and Absence of Violence/Terrorism – PV)” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อวัดการรับรู้ของโอกาสที่จะเกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ความรุนแรงที่มีแรงจูงใจทางการเมือง หรือการก่อการร้าย โดยดัชนีดังกล่าวมีค่าตั้งแต่ -2.5 (มีเสถียรภาพน้อยที่สุด) ถึง 2.5 (มีเสถียรภาพมากที่สุด)
ซึ่งตัวเลขของดัชนีดังกล่าวไม่ได้บ่งชี้ถึงเพียงปัจจัยทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวสะท้อนโดยตรงถึงความเสี่ยงที่รับรู้ได้ต่อการดำเนินธุรกิจ ความปลอดภัยของสินทรัพย์ และความต่อเนื่องของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
โดยในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในดัชนีเสถียรภาพทางการเมืองอย่างมาก ตั้งแต่กลุ่มประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองสูงในระดับกลุ่มประเทศชั้นนำของโลก
ไปจนถึงประเทศกำลังพัฒนาที่เผชิญกับความผันผวนทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ โดยจากข้อมูลในปี ค.ศ. 2023 กลุ่มประเทศที่มีดัชนีเสถียรภาพสูงได้แก่ สิงคโปร์ (1.42) และบรูไน (1.37) ซึ่งสร้างความได้เปรียบในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มั่นคงในระยะยาวได้
ในขณะที่กลุ่มประเทศที่มีเสถียรภาพปานกลาง ได้แก่ ลาว (0.81) มาเลเซีย (0.17) กัมพูชา (0.04) และเวียดนาม (-0.04) และกลุ่มประเทศที่มีความผันผวน เช่น ไทย (-0.28) อินโดนีเซีย (-0.40) และฟิลิปปินส์ (-0.57) ในส่วนของเมียนมา (-2.13) นั้น ถือเป็นค่าดัชนีที่ต่ำในระดับวิกฤต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่กำลังเผชิญอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว
ความแตกต่างกันอย่างมากในดัชนีเสถียรภาพทางการเมืองของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังแสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการกำหนดนโยบายการค้าในระดับภูมิภาคที่เป็นหนึ่งเดียวกันได้
ผู้เขียน
อาทิตย์ เสรีไพบูลย์ทรัพย์
นักวิจัยอาวุโส
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD)
www.itd.or.th
ตีพิมพ์ : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ Section : First Section/World Beat
ปีที่ 39 ฉบับที่ 13016 วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568
หน้า 8 (ล่างซ้าย) คอลัมน์ “Asean Insight”



